Customer Reviews

5
เป็นตัวอย่างหนังสือนำเที่ยวที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

ปัจจุบันหนังสือนำเที่ยวด้วยตัวเองส่วนมากจะเน้นประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ซึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ในทุกสถานการณ์ และไม่ครอบคลุมเรื่องหลักๆที่ควรจะมี แต่หนังสือเล่มนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดีที่ผู้เขียนรวบรวมเอา ‘สิ่งที่จำเป็นจริงๆ’ สำหรับผู้ที่ต้องการจะเที่ยวด้วยตัวเองในลอนดอนและเมืองโดยรอบ ประเทศอังกฤษ
โดยปกติแล้วหัวใจสำคัญของการเที่ยวด้วยตัวเองคือการเดินทาง เนื่องจากไม่ใช่สถานที่ที่คุ้นเคย นักท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องรู้ว่าการเดินทางมีกี่แบบ ข้อดีข้อเสียคืออะไร ค่าใช้จ่าย รูปแบบการซื้อตั๋วและชำระเงิน หรือเงื่อนไขอื่นๆ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวสิ่งเหล่านี้ไว้ครบถ้วน อีกทั้งยังระบุสถานที่สำคัญๆที่ไม่ควรพลาด กับที่พักในราคาที่รับได้ และอาหารการกินที่สามารถฝากท้องไว้ได้ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงสามารถใช้ได้จริงสำหรับเที่ยวด้วยตัวเองในลอนดอนและเมืองโดยรอบ
แผนที่ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญสำหรับหนังสือนำเที่ยว แม้ปัจจุบันหลายคนอาจใช้มือถือนำทาง แต่การมีแผนที่ติดไว้กับตัวก็เป็นแผนสำรองที่ดีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในต่างประเทศ หนังสือเล่มนี้มีแผนที่ที่ละเอียดใช้ได้ มีครอบคลุมตามจุดสำคัญๆที่ผู้เขียนต้องการเน้น ดังนั้นแผนที่ในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างเพียงพอและครบถ้วนต่อการเที่ยวด้วยตัวเอง
ผู้ที่เหมาะกับหนังสือเล่มนี้คือทุกคนที่ต้องการเดินทางไปประเทศอังกฤษ ผู้เขียนได้เล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสำหรับประเทศนี้ไว้หลายจุดไว้ครบถ้วนดีทีเดียว สำหรับผู้ที่ยังไม่มีแผนจะเดินทางไปเที่ยวก็สามารถอ่านๆได้เพื่อให้ทราบว่าเมืองลอนดอนมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง หนังสือพิมพ์สีสวยงาม มีรูปแสดงตัวอย่างชัดเจนทำให้อ่านสนุกและน่าติดตาม
3
เนื้อหาอ่านสนุก แต่ Positioning ไม่ชัดเจน
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 09 มีนาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือนำเที่ยวเล่มหนึ่งที่อ่านสนุก ไม่น่าเบื่อ สีสันสวยงาม ซึ่งข้อดีตรงนี้ ก็เป็นข้อด้อยที่ผู้เขียนหรือทางสำนักพิมพ์อาจลืมบางประเด็นไป
กล่าวคือ หนังสือนำเที่ยวญี่ปุ่นฉบับนี้กล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้เขียนได้ไปสัมผัสมา สไตล์การเขียนจึงเป็นลักษณะการเล่าเรื่อง ทั้งวิธีการเดินทาง ที่พัก อาหารการกิน จุดที่ต้องแวะเป็นต้น ซึ่งการเขียนแนวนี้มีข้อดีคืออ่านสนุก ชวนติดตามเหมือนได้อ่านนิยายการผจญภัย แต่ข้อเสียคือมีการนำเรื่องบางอย่างซึ่งไม่เกี่ยวกับการนำเที่ยวเข้ามารวมด้วย เช่น เรื่องการใช้ภาษามือสั่งอาหาร เรื่องมีคนญี่ปุ่นช่วยเหลือเรื่องการเดินทาง เรื่องการถ่ายรูปอย่างไรให้ออกมาสวย ซึ่งเนื้อหากลุ่มนี้กินพื้นที่ของหนังสือเล่มนี้ไปมากพอสมควร จึงทำให้ Positioning ของหนังสือเล่มนี้ไม่ชัดเจน และอาจทำให้ผู้อ่านที่ต้องการเจาะลึกเพื่อหวังข้อมูลที่สำคัญจริงๆ อาจจะไม่พบจากหนังสือเล่มนี้
แต่ถ้าถามว่าหนังสือเล่มนี้เพียงพอต่อการเที่ยวด้วยตัวเองในญี่ปุ่นหรือไม่ ขอตอบว่าพอสำหรับผู้ที่เคยไปญี่ปุ่นมาแล้ว แต่อาจจะเป็นโซนอื่นที่ไม่ได้ระบุในหนังสือเล่มนี้ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่น น่าจะสับสนกับการเดินทางจริงพอสมควร ซึ่งยังเป็นข้อด้อยของหนังสือเล่มนี้ที่ไม่ได้ระบุวิธีการเดินทางให้ลึก และครอบคลุมทุกด้าน เช่น ยังขาดวิธีการซื้อตั๋วจากเครื่อง จุดซื้อตั๋วโปรโมชั่น หรือวิธีการหาเส้นทางการเดินอื่นๆนอกเหนือจากที่ผู้เขียนได้เลือก เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการเดินทางด้วยตัวเอง
หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เคยเดินทางในจุดอื่นของญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว หรือผู้ที่ต้องการอ่านเพื่อความบันเทิง แต่สำหรับผู้ที่จะไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกอาจต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือเล่มอื่นอีก
5
สามารถใช้ได้จริง เนื้อหาละเอียดดีมาก
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 13 มกราคม พ.ศ. 2558

หากใครกำลังจะเดินทางไปประเทศเยอรมัน โดยเฉพาะเมืองมิวนิค ไฮเดลเบิร์ก และโคโลน หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือนำทางภาษาไทยที่เหมาะมากที่สุดเล่มหนึ่ง เพราะไม่เพียงแต่สถานที่น่าสนใจที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังระบุเรื่องที่หลายๆคนอาจจะลืมไปแต่สำคัญมาก เช่นชนิดของปลั๊กไฟที่ใช้ที่ไม่เหมือนกับในไทยเลย ภาษาหรือศัพท์ที่ใช้ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ขั้นตอนวิธีการเดินทางโดยรถไฟซึ่งเป็นที่นิยมมากในยุโรป หรือแม้กระทั่งวันอาทิตย์ที่แทบจะไม่มีร้านขายของเปิดเลย ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านสามารถเตรียมตัวได้พร้อมรับมือได้ในหลายๆเรื่องล่วงหน้า
หนังสือเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นคู่มือนำเที่ยวอย่างแท้จริง ไม่ใช่ไดอารี่หรือประวัติการเตินทางของผู้เขียนแบบหลายๆเล่มในท้องตลาด ผู้เขียนอยู่เยอรมันมานาน อีกทั้งมีการค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเพื่อมาเขียนหนังสือเล่มนี้จนสมบูรณ์ ที่สำคัญคือแผนที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยเมื่อพูดถึงเรื่องการเดินทางด้วยตัวเอง หนังสือเล่มนี้ก็มีแผนที่ที่ละเอียดมากบอกไว้
ผู้ที่เหมาะกับหนังสือเล่มนี้คือทุกคนที่กำลังจะเดินทางไปเยอรมันครั้งแรก หรือจะไปเที่ยวที่มิวนิค ไฮเดลเบิร์ก หรือโคโลนไม่ว่าด้วยตัวเองหรือไปกับทัวร์ เพราะข้อมูลในเล่มนี้จะทำให้ผู้อ่านเตรียมตัวเองได้พร้อมกับการเดินทาง ซึ่งข้อมูลหลายๆอย่างผู้อ่านสามารถนำไปต่อยอดกับเมืองอื่นๆนอกเหนือจากที่หนังสือระบุได้ด้วย เพราะการเดินทางด้วยรถไฟในเยอรมันใช้วิธีการเหมือนกันทั้งประเทศ ทั้งการซื้อตั๋ว ตัวรถไฟ คำศัพท์ที่ใช้ ซึ่งผู้อ่านเพียงแค่ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่จะไป ก็สามารถประยุกต์ใช้ได้โดยไม่ยากนัก
กินกบตัวนั้นซะ! (วีเลิร์น)
5
เป็นหนังสือแนวพัฒนาตนเองที่ดีมากเล่มหนึ่ง สามารถนำไปใช้ได้จริง
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 07 มกราคม พ.ศ. 2558

หากใครกำลังมองหาหนังสือแนวพัฒนาตนเอง (Self-help) หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีมาก และค่อนข้างแตกต่างจากหนังสือแนวนี้เล่มอื่นๆในท้องตลาด กล่าวคือ แทนที่จะพยายามให้ผู้อ่านหาจุดแข็งของตัวเอง แล้วสร้างมันให้โดดเด่น หนังสือเล่มนี้กลับให้หาจุดอ่อนที่เลวร้ายที่สุดของตัวเองแทน ผู้เขียนเรียกจุดอ่อนที่เลวร้ายนี้ว่ากบ ซึ่งถ้าผู้อ่านสามารถจัดการกบตัวที่ใหญ่ที่สุดของตัวเองได้แล้ว ชีวิตของผู้อ่านจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว และการที่กบตัวใหญ่ที่สุดโดนกำจัดไป จะทำให้คนๆนั้นมีความเชื่อมั่นและมีรากฐานที่แข็งแรงในการต่อยอดพัฒนาด้านอื่นๆต่อไป
ผู้เขียนต้นฉบับเล่มนี้ในภาษาอังกฤษคือ Brian Tracy ผู้มีชื่อเสียงด้านการขายและพัฒนาตนเอง หนังสือหลายเล่มของเขาได้รับการตอบรับที่ดีในหลายๆประเทศ และ ‘กินกบตัวนั้นซะ’ ก็เป็นหนังสือที่โดดเด่นที่สุดเล่มหนึ่งของเขา ดังนั้นหากใครต้องการพัฒนาตนเอง การได้อ่านหนังสือของ Brian Tracy ก็จะทำให้ผู้อ่านได้แนวคิด และหนทางใหม่ๆที่สามารถนำไปใช้กับชีวิตจริงได้
ผู้ที่เหมาะกับหนังสือเล่มนี้คือทุกคน ทุกคนมีกบของตัวเองและมันคอยฉุดรั้งไม่ให้ไปถึงจุดหมายที่ต้องการ หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แนวให้กำลังใจต่อสู้กับอุปสรรค แต่ได้บอกหนทางที่สามารถเอาไปใช้ได้จริง ต่อให้ผู้อ่านคิดว่าตัวเองไม่มีกบ หรือจุดอ่อนอะไรที่ต้องแก้ไข การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยเป็นอาหารสมองให้ทราบแนวคิดของบุคคลที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งว่ามีกระบวนการคิดและแก้ไขปัญหาอย่างไร ถือเป็นหนังสือที่ดีเยี่ยมเล่มหนึ่งที่ทุกคนควรได้อ่านจริงๆ
คู่มืออีเมล The Email Book
5
อ่านสนุก เข้าใจง่าย ใช้งานได้จริง
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 07 มกราคม พ.ศ. 2558

หากใครที่ยังไม่สันทัดการใช้ภาษาอังกฤษนัก หนังสือเล่มนี้จะเป็นแนวทางให้ผู้อ่านสามารถฝึกเขียน email ภาษาอังกฤษได้ดีเล่มหนึ่งทีเดียว หนังสือเล่มนี้แบ่งหมวดหมู่ตามเนื้อหาการเขียน email และในแต่ละหมวดหมู่นั้นก็จะแสดงตัวอย่างประกอบ คำที่ใช้ได้ รูปแบบที่เป็นสากล และตัวอย่างของคำหรือประโยคที่ไม่ควรใช้ ทำให้ผู้อ่านเลือกที่จะอ่านทีเดียวทั้งเล่ม หรือเก็บไว้อ้างอิงเวลาที่ต้องเขียน email ขึ้นมาแล้วค่อยหยิบมาอ่านก็ได้
หนังสือเล่มนี้เน้นการเขียน email ในชีวิตการทำงานเป็นหลัก เช่นการลาพักร้อน แจ้งติดธุระ นัดหมายประชุม หรือแจ้งเรื่องงานให้ทราบ ซึ่งเป็น email ที่ต้องเขียนในรูปแบบที่เป็นทางการ การเขียนจึงไม่เหมือนกับ email ส่วนตัวที่ส่งให้เพื่อนหรือคนในครอบครัว ซึ่งถือว่าตอบโจทย์กลุ่มคนผู้อ่านที่เป็นวัยทำงานได้ดี แต่สำหรับกลุ่มนักศึกษาหนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ตรงกับความต้องการนัก เพราะไม่ค่อยมีตัวอย่างที่ใช้ในสถาบันการศึกษา ทำให้ผู้อ่านที่เป็นนักศึกษาอาจจะต้องดัดแปลงรูปแบบและคำที่ใช้เรียกอาจารย์หรือบุคคลากรในมหาวิทยาลัยให้เหมาะสมด้วยตัวเอง
หนังสือเล่มนี้แม้จะเป็นแนวทางที่ดีในการเขียน email ในการทำงาน แต่ก็ไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จที่ผู้อ่านจะสามารถเขียนเลียนแบบได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับรายละเอียดหรือเนื้อหาของแต่ละคนและประเพณีปฏิบัติในแต่ละบริษัทด้วย ดังนั้นผู้อ่านที่หวังว่าจะได้ตัวอย่างสำเร็จรูปที่สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์คงไม่เหมาะกับหนังสือเล่มนี้ ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากหนังสือนี้อย่างเต็มที่ควรมีพื้นความรู้ภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งบ้าง เพื่อที่จะสามารถดัดแปลงหรือประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ของตัวเอง อันจะเกิดประโยชน์สูงสุดตามที่มุ่งหวังไว้
ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน
5
เนื้อหาครอบคลุมครบถ้วน อ่านไม่ยาก ชวนติดตาม
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 06 มกราคม พ.ศ. 2558

ไอน์สไตน์ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในประวัติมนุษยชาติ สิ่งที่เค้าคิดได้ปฏิวัติวงการวิทยาศาสตร์อย่างรุนแรง เทคโนโลยีหลายๆอย่างได้ต่อยอดจากสิ่งที่ไอน์สไตน์ได้ค้นพบ เค้าเป็นสัญลักษณ์ของคำว่า ‘อัจฉริยะ’ ไปโดยปริยาย แต่ในหลายๆภาพที่เห็น เค้าผู้นี้ก็แสดงออกซึ่งความสุนทรีย์ ความขี้เล่น ร่วมถึงมีบทบาทในเรื่องสันติภาพและการเมืองอีกด้วย ไอน์สไตน์จึงถือว่าเป็นบุคคลสำคัญที่น่าศึกษา ทั้งในส่วนของแนวความคิด ความเชื่อ การใช้ชีวิต และความศรัทธาอันแรงกล้า
หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นหนังสือแนวชีวประวัติเล่มหนึ่ง ที่เขียนโดยวอลเตอร์ ไอแซคสัน ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อสารมวลชน ถึงขนาดที่สตีฟ จอบส์เองก็ขอให้เค้ามาเขียนหนังสืออัตชีวประวัติให้ จึงเป็นผลงานที่น่าสนใจที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
หนังสือเล่มนี้เล่าประวัติของไอน์สไตน์ตั้งแต่เด็ก วัยศึกษา การเรียนในมหาวิทยาลัย การทำงาน จนมาถึงการคิดค้นทฤษฎีก้องโลกขึ้นมา ก่อนที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องการเมือง การพยายามคิดค้นทฤษฎีอื่นอีก ก่อนจะเสียชีวิตลง ที่น่าสนใจคือหนังสือเล่มนี้มีแสดงหลักฐานประกอบค่อนข้างสมบูรณ์ ทำให้น่าเชื่อถือและสามารถใช้เป็นหนังสืออ้างอิงได้ดีเล่มหนึ่งเลยทีเดียว แม้หนังสือจะมีขนาดหนา แต่รูปแบบการเขียนที่เหมือนได้ดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งทำให้การอ่านไม่ถึงกับลำบากนัก แม้ว่าเมื่อกล่าวถึงตอนทฤษฎีบางส่วนอาจจะยากสำหรับผู้อ่านที่ไม่เคยได้ศึกษามาบ้าง แต่ก็สามารถอ่านข้ามได้หากไม่เข้าใจในส่วนนั้น
ผู้ที่เหมาะกับหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างหลากหลาย แต่จะเหมาะมากกับคนที่ศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะฟิสิกส์ หรือผู้ที่สนใจในการศึกษาชีวิตของบุคคลผู้มีชื่อเสียง ก็จะได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนจากหนังสือเล่มนี้ แม้กระทั่งคนทั่วไปที่อยากรู้ประวัติของไอน์สไตน์ ก็สามารถเข้าใจชีวิตของเค้าผ่านหนังสือเล่มนี้ได้ และผู้อ่านก็จะพบว่าไอน์สไตน์ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ยังมีหัวใจและเลือดเนื้อ เพียงแต่วิธีที่เค้าคิดกับชีวิตที่ดำรงนั้นทำให้เค้าได้พบกับชื่อเสียงดุจเทพเจ้าได้อย่างไร
Harry Potter เล่ม 01 แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ (ปกอ่อน)
5
เนื้อหาหนักเกินไปสำหรับเด็กเล็ก แต่ดีเยี่ยมสำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 04 มกราคม พ.ศ. 2558

แฮรี่ พอตเตอร์ เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่โดดเด่นที่สุดเรื่องหนึ่งในรอบทศวรรษที่ผ่านมา เนื้อหามีความลึกและเชื่อมโยงกันตลอดทั้งเจ็ดเล่ม ซึ่งแบ่งตามปีที่แฮรี่ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนเวทมนต์ ในสามเล่มแรกเนื้อหาจะมุ่งไปที่ตัวละครหลักในเรื่องกับบรรยากาศในการเรียนในโรงเรียน ซึ่งทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ร่วม นึกถึงสมัยที่ตัวเองเพิ่งเข้าโรงเรียนและได้เจอเพื่อนใหม่ รวมถึงคู่ปรับและคุณครูในโรงเรียน แต่เรื่องนี้พิเศษที่ ‘เวทย์มนต์’ ได้โดนผนวกเข้ามาได้อย่างกลมกลืน ทำให้ผู้อ่านตื่นตาตื่นใจในหลายๆฉาก อีกทั้งยังสร้างจินตนาการร่วมไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างสนุกสนานด้วย
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เล่มสี่ถึงเล่มเจ็ด เนื้อหามีความรุนแรงขึ้นมาตามลำดับ มีการทำร้ายให้ทรมาน การเมืองทั้งในระดับประเทศและโรงเรียน รวมไปถึงการฆาตกรรม ซึ่งดูเหมือนเป็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะกับหนังสือในกลุ่มวรรณกรรมเยาวชนนัก อีกทั้งผู้อ่านที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทำงาน อาจจะเบื่อกับเนื้อเรื่องเชิงการเมืองที่ค่อนข้างกดดันในหลายๆตอน ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรอธิบายเด็กๆเมื่อเนื้อเรื่องมาถึงจุดเหล่านี้ด้วย
อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ใหญ่แล้ว หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่ควรต้องอ่านเรื่องหนึ่ง แฮรี่ พอตเตอร์จะสะท้อนความเป็นจริงของสังคมมนุษย์ไม่ว่าของคนปกติหรือของพ่อมดที่ค่อนข้างโหดร้าย แต่ด้วยความดีและจิตใจที่กล้าแกร่งจะทำให้ผ่านอุปสรรคไปได้ หนังสือเรื่องนี้ยังเหมาะแก่ผู้ที่อยู่ในวงการวรรณกรรม การดำเนินเรื่อง ขั้นตอนการเล่า และการค้นคว้าอ้างอิงของเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับผู้ที่ต้องการประพันธ์วรรณกรรมขึ้นมาสักเล่ม
63 หลักคิดและปรัชญาการทำงาน
5
เป็นข้อคิดที่กระตุกความคิดผู้อ่านได้ดีมาก
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หนังสือเล่มนี้รวบรวมข้อคิดในการทำงานของคุณบุญเกียรติ โชควัฒนาแห่ง ICC หรือเครือสหพัฒน์ที่หลายๆคนรู้จัก หนังสือเล่มนี้พยายามเขียนข้อคิดออกมาเป็นข้อย่อยทั้งหมด 63ข้อพร้อมภาษาอังกฤษในทุกข้อ แต่ละข้อใช้คำกระชับ ตรงประเด็นมาก ทำให้ผู้อ่านจับประเด็นที่คุณบุญเกียรติต้องการสื่อได้ในทันที ทั้ง 63ข้อนี้คุณบุญเกียรติกลั่นกรองจากประสบการณ์ของตนเอง รวมถึงคำสอนของบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคุณพ่อของคุณบุญเกียรติ จึงถือได้ว่าเป็นหนังสือที่สรุปสิ่งที่คุณบุญเกียรติได้ประสบพบเจอมาตลอดชีวิตการทำงานของท่าน ให้มาอยู่ในรูปแบบหนังสือเล่มบางๆที่ใช้เวลาอ่านไม่นาน แต่จะทำให้ผู้อ่านเปลี่ยนแนวคิดการทำงานของตนใหม่ในทางที่ถูกต้องไปตลอดกาล
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ที่อยู่ในวัยทำงานทั้งที่เป็นพนักงานประจำหรือเจ้าของธุรกิจ ซึ่งพบปัญหาและอุปสรรคมากมายในชีวิตจริง หนังสือเล่มนี้จะขัดเกลาความคิดและทัศนคติของผู้อ่านกลุ่มนี้ เช่น เมื่อมีปัญหาอย่าโยนความผิดหรือโทษคนอื่นว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานั้น แต่ให้ถามตัวเองว่าเราทำเต็มที่แล้วหรือยังในการที่จะไม่ให้ปัญหานั้นเกิดขึ้นมา เป็นต้น สำหรับคนอีกกลุ่มคือนักเรียนนักศึกษา ซึ่งหลายๆข้อในนี้สามารถประยุกต์ใช้กับการเรียนได้ด้วย เช่นการสอนให้คิดบวก การเชื่อมั่นว่าตนทำได้ ซึ่งจะทำให้ตนเองมีความทุ่มเทและรวบรวมสรรพกำลังเพื่อแก้ปัญหานั้น มากกว่าการที่คิดว่าทำไม่ได้ เป็นต้น
หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ทำให้ผู้อ่านตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองได้เคยทำมา หรือที่ตัวเองเคยคิดในแบบเดิมๆ การได้อ่านมุมมองของผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในรูปแบบที่กระชับและตรงไปตรงมาจะช่วยให้ผู้อ่านไตร่ตรองกับชีวิตจริงของตนเองก่อนตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือไม่
หล่อติดแก๊ส
5
ให้แนวคิดในการดำเนินชีวิตและทำธุรกิจได้ดีมาก
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หนังสือเล่มนี้เล่าความเป็นมาของ Energy Reform โดยสองผู้ก่อตั้งคู่แฝด ที่น่าสนใจคือทั้งคู่เกิดในครอบครัวที่ธรรมดาที่ฐานะไม่ได้ร่ำรวยมากนักและเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนมาก่อน แต่แล้วก็ตัดสินใจเริ่มทำธุรกิจอย่างจริงจังท่ามกลางเสียงคัดค้านของหลายๆคน หนังสือเล่มนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่เริ่มทำธุรกิจว่าต้องมีความพร้อมทั้งทุน ความรู้และแรงใจในการสร้างบริษัทขึ้นมาสักบริษัทหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ยังให้แนวคิดด้านการบริหารธุรกิจที่ค่อนข้างตรง โดดเด่น ไม่ยึดกรอบหรือแนวคิดเพียงด้านเดียว อย่างเช่นการคิดใหญ่หรือภาพกว้างไว้ก่อน การจัดการหัวใจหลักของคู่แข่ง รวมถึง positioning ที่ชัดเจนของบริษัท สิ่งเหล่านี้เป็นตัวย้ำว่าบริษัทที่ดีไม่ได้มาเพียงเพราะโชคช่วยหรือทุนทรัพย์ที่มากพอเท่านั้น การบริหารของผู้นำและทิศทางที่บริษัทมุ่งไปก็เป็นตัวสำคัญยิ่งในการทำธุรกิจปัจจุบัน
ขอดีขอหนังสือนี้อีกข้อคือมีแนวคิดดีๆจากบุคคลสำคัญๆระดับโลกมาเติมแต่งในแต่ละช่วงของการดำเนินเรื่อง ทำให้ผู้อ่านได้ข้อคิดผ่านตัวอย่างของพี่น้องฝาแฝดที่ชัดเจนมากขึ้น
ผู้ที่เหมาะกับหนังสือเล่มนี้คือมนุษย์เงินเดือนที่คิดอยากจะทำธุรกิจของตัวเอง หรือจะเป็นนักศึกษาด้านบริหารธุรกิจ และการตลาดก็สามารถได้แง่คิดดีๆด้านการจัดการจากหนังสือเล่มนี้เช่นกัน นอกจากนี้หนังสือนี้ยังเหมาะกับผู้อ่านที่ต้องการมุมมองในการใช้ชีวิตของบุคคลที่ประสบความสำเร็จเพื่อไว้พัฒนาตัวเองได้ดีด้วย เนื้อหาอ่านง่าย กระชับ มีลำดับชัดเจนทำให้ไม่น่าเบื่อในการอ่าน ถือเป็นหนังสือที่เขียนได้ดีทีเดียวเล่มหนึ่ง
การจัดการคลังสินค้า (WAREHOUSE MANAGEMENT)
2
เนื้อหาเน้นทางด้านวิชาการ แต่ไม่เหมาะกับภาคปฏิบัติจริง
โดย: Doko วันที่เขียนรีวิว: 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เป็นหนังสือที่บอกหลักการคร่าวๆที่ใช้ในการจัดการคลังสินค้า เช่นประเภทของคลังสินค้า , การเลือกสถานที่ตั้งของคลัง, การใช้เทคโนโลยี, การใช้สัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคลัง ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องคลังสินค้าเลย และความรู้ที่ได้ค่อนข้างจะเป็นนามธรรม คือให้แค่พอรู้ว่าคลังสินค้าคืออะไร และมีการบริหารคร่าวๆอะไรบ้าง แต่ถ้าจะนำไปปฏิบัติจริง หนังสือเล่มนี้ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะที่จะช่วยคนที่กำลังทำงานด้านนี้ เพราะขาดหลักการในเชิงลึก ตัวอย่าง ปัญหาที่มักพบ หรือวิธีการที่เป็น Best Practice ที่ใช้กันในระดับสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเมื่อพูดถึง ‘management’ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับคนที่อยู่ในวงการคลังสินค้า ที่จะสามารถเอาไปใช้งานได้จริง
แม้หนังสือเล่มนี้จะเหมาะกับคนที่แค่ ‘อยากรู้’ ว่าคลังสินค้าคืออะไร ทำอะไรบ้าง แต่ด้วยวิธีการเขียนที่เป็นแบบเน้นวิชาการเต็มที่ อาจจะทำให้ผู้อ่านที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้เข้าใจเนื้อหายากสักนิด เนื้อหาเขียนอยู่ในรูปตัวอักษรเป็นส่วนมาก มีรูปภาพ หรือรูปวาดที่จะช่วยเพิ่มความเข้าใจค่อนข้างน้อย ทำให้การอ่านหนังสือเล่มนี้อาจจะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ โดยเฉพาะกับผู้อ่านที่อยู่นอกวงการคลังสินค้า ซึ่งยังมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้น้อย อาจจะทำให้ไม่เข้าใจในประเด็นที่ผู้เขียนต้องการสื่อออกมาได้
ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเหมาะสำหรับนักศึกษาที่กำลังเรียนทางด้านโลจิสติกส์หรือ supply chain ที่จะเรียนรู้หลักการด้านคลังสินค้าคร่าวๆ ไว้ประกอบกับหนังสือหลักที่อาจารย์กำหนด หรืออาจจะเอาไว้ใช้อ้างอิงในการทำรายงานหรือวิทยานิพนธ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับคลังสินค้าเท่านั้น
www.batorastore.com © 2024